Warning: Missing argument 3 for get_day_link(), called in /home/apluswea/domains/apluswealth.co.th/public_html/wp-content/themes/accountant-wp/single.php on line 21 and defined in /home/apluswea/domains/apluswealth.co.th/public_html/wp-includes/link-template.php on line 549
Oct 1, 2016
มาวางแผนการเงินเถอะ…….
เคยทราบกันไหมครับว่าการวางแผนการเงินนั้นมีความสำคัญอย่างไร ? หลายๆคนไม่สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินต่างๆในชีวิตได้ก็เนื่องมาจากไม่มีการวางแผนการเงินที่ดี จริงๆแล้วการวางแผนการเงินเหมือนกับการวางแผนชีวิต เพราะทุกๆช่วงชีวิตของคนเรา ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย เราต้องใช้เงินตลอด เกิดมาปุ๊บก็มีค่าใช้จ่ายแล้ว คือค่าทำคลอด ซึ่งเดี๋ยวนี้ใกล้หลักแสนเข้าไปทุกที เข้าเรียนก็มีค่าใช้จ่าย เรียนจบทำงาน มีครอบครัวก็มีค่าใช้จ่ายมากมายตามมา พอเริ่มแก่ก็ต้องมีค่าใช้จ่าย เช่นค่ารักษาพยาบาลที่นับวันจะสูงจนรู้สึกว่าขออย่าได้ป่วยเลย แม้กระทั่งวันที่เราตาย บางคนบอกว่าตายแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายอะไร ก็ค่าจัดงานศพอย่างไรล่ะครับ เดี๋ยวนี้ค่าจัดงานศพก็เป็นหลักแสนแล้วนะครับ ฉะนั้น ในทุกช่วงเวลาจึงต้องมีการวางแผน ช่วงก่อนวัยเรียนต้องวางแผนอย่างไร ช่วงเริ่มทำงาน เราควรเก็บออมอย่างไร ช่วงวัยเกษียณเราจะทำอย่างไร ขอยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติว่าเราจะไปเที่ยวญี่ปุ่นแค่ 7 วัน เชื่อไหมครับว่าต้องหาข้อมูลเพื่อท่องเที่ยวกันเป็นเดือนๆ การไปเที่ยวแค่ 7 วัน แต่กลับต้องเตรียมหาข้อมูลเป็นเดือน แต่ทำไมชีวิตของเราทั้งชีวิตถึงไม่มีการวางแผนใดๆเลย ทุกคนคงทราบกันอยู่แล้วว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์เดี๋ยวนี้ทันสมัยมาก ทำให้คนอายุยืนยาวมากขึ้น ผมเชื่อว่าค่าเฉลี่ยของอายุคนไทยจะเกิน80ปีในไม่ช้า ดังนั้นตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 80 ปี เราจะไม่วางแผนอะไรเลยหรือ เพราะแค่ไปเที่ยวญี่ปุ่นแค่ 7 วัน เรายังวางแผนกันเป็นเดือน ซึ่งถ้าเราไม่วางแผน ก็เหมือนกับเราล่องเรือไปในทะเลโดยไม่รู้จะไปในทิศทางใด แล่นไปก็ไม่รู้ว่าจะเจอหินโสโครกอยู่ข้างหน้าไหม ทำไมเราต้องวางแผนการเงิน? สิ่งแรกเลยคือชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ หรืออุบัติเหตุ นี่คือความไม่แน่นอนในชีวิต ลองนึกดูว่า ถ้าเราเป็นหัวหน้าครอบครัว แล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับเรา เช่นการจากไปก่อนวัยอันควร ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น คนข้างหลังเราจะทำอย่างไร ลูก ภรรยา หรือพ่อแม่ที่เราต้องเลี้ยงดู จะทำอย่างไร อันนี้ถ้าหากเราไม่ได้วางแผนเรื่องของการบริหารความเสี่ยงไว้อย่างดีพอก็จะเกิดปัญหาตามมา ดังนั้น สิ่งแรกที่เราจะต้องคิดในส่วนนี้คือการทำประกันชีวิต โดยมีทุนประกันชีวิตที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นพื้นฐานขั้นแรกของการวางแผนการเงิน เรื่องสองที่คือ อายุเฉลี่ยของคนไทยที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อ40 ปีที่แล้ว อายุเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 59 ปี คือเสียชีวิตก่อนเกษียณด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อก่อนอาจจะมองว่าการวางแผนทางการเงินไม่จำเป็นเท่าไหร่ แต่เมื่ออายุเฉลี่ยของคนมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ดีขึ้น เราอาจจะมีอายุยืนยาวไป 80 ปี 90ปี หรือ 100 ปีก็เป็นไปได้ สังคมไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างแท้จริงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เหมือนประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหมด สิ่งที่จะตามมาก็คือ ถ้าเราไม่มีการวางแผนวัยเกษียณที่ดี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ในช่วยชีวิตวัยเกษียณ เหตุผลที่สามคือโครงสร้างสังคมไทยเปลี่ยนไป เมื่อก่อน เราอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อแม่มีลูกหลายคน แต่เดี๋ยวนี้จะหาครอบครัวแบบนั้นได้ไหม คำตอบคือแทบจะหาไม่ได้แล้ว เพราะโครงสร้างสังคมเปลี่ยนไปเป็นครอบครัวเดี่ยว คนมีลูกน้อยลง และมีลูกตอนอายุมากขึ้น เมื่อก่อนคนไทยมีครอบครัวกันเร็วอายุ 20 กว่าๆ ก็มีลูกกันหมดแล้ว เท่ากับว่าพอลูกเรียนจบการศึกษา พอทำงานก็สามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ในวัยที่พ่อแม่เกษียณ แต่ปัจจุบันกลายเป็นว่าลูกยังเรียนไม่จบการศึกษา แต่พ่อแม่เข้าสู่วัยเกษียณแล้ว การที่เราจะไปพึ่งพาลูกหลานให้มาเลี้ยงดูเราก็คงจะยาก เหตุผลข้อที่สี่ก็คือประเทศเราไม่ได้เป็นรัฐสวัสดิการ สวัสดิการของบ้านเรามีเบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาทต่อเดือน หรือคนที่มีประกันสังคม พออายุ 55 ปี ก็จะได้เงินเดือนละ 3,000 บาท รวมแล้วจะได้ 3,600 บาท ซึ่งไม่พอใช้ใน ช่วงที่เราเกษียณในอีก 20 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน ฉะนั้น ถ้าเราพึ่งพารัฐไม่ได้ เพราะไม่ใช่รัฐสวัสดิการ เราก็ต้องพึ่งตัวเอง นี่คือเหตุผลที่เราต้องวางแผนทางการเงิน เหตุผลข้อสุดท้าย ผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีความซับซ้อนมากขึ้น ตอนนี้มีกองทุนและผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆมากมาย แต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้และยังคงถูกปลูกฝังความเชื่อให้เก็บเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์หรือฝากประจำ เพราะเชื่อว่าเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด ซึ่งการเก็บเงินในบัญชีเหล่านี้ให้ผลตอบแทนน้อยมาก และ ที่สำคัญคือแพ้เงินเฟ้อซึ่งอยู่ที่ 3% ต่อปี ดังนั้น เราต้องหาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์กับเป้าหมายทางการเงินของเรา สมัยก่อนดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร 12-15% ต่อปี ถ้าเรามีเงิน10 ล้านฝากธนาคารไว้หนึ่งปีเราจะได้ดอกเบี้ย 1.2 ล้าน เรานำมาใช้เดือนละหนึ่งแสนบาทได้อย่างสบาย แต่ตอนนี้เราต้องมีเงินฝากไว้ในธนาคารทั้งสิ้น 240 ล้าน เพื่อจะได้ดอกเบี้ยมาใช้เดือนละหนึ่งแสนบาท สิ่งที่ผมอยากฝากไว้ คืออยากให้คนไทยมีค่านิยมในการวางแผนทางการเงินเพื่อเป้าหมายต่างๆของตัวเองในอนาคตกันทุกคน ซึ่งเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือ การเกษียณมีตัวเลขจากสำนักสถิติแห่งชาติที่ผมเห็นแล้วรู้สึกตกใจมาก คือ คนไทยที่อายุเกิน 60 ปี จำนวน 63 % ไม่มีเงินออม และคนที่มีเงินออมเกิน 1 ล้านบาทนั้นมีเพียง แค่ 5 % เท่านั้น ฉะนั้น เท่ากับว่าคนที่อยู่ในวัยเกษียณจำนวน 63% นั้น ไม่สามารถหยุดทำงานได้ บางส่วนต้องให้ลูกหลานดู ผมจึงอยากจะฝากไปถึงคนที่เริ่มทำงาน หรือคนที่ยังไม่ได้อยู่ในวัยเกษียณให้เริ่มหันมาวางแผนการเงินให้กับตัวเองก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป เรื่อง : ธนาทร คล่องการเขียน Facebook : ธนาทร คล่องการเขียน |